ขอแสดงความดีใจกับ บ.โสกคูณ ต.ห้วยเกิ้ง จ.อุดรธานี ที่ได้รับรางวัลร้องสารพัญ ในวันที่ 28 ก.ย 2558 บ้านโคกผักหวานได้มีการประกวดร้องสารพัญ เพื่อประสานน้ำใจในแต่ละหมู่บ้านให้เกิดความรักความสามักคัญ หมู่บ้านที่ชนะ คือ บ.โสกคูณ ได้รางวัลที่หนึ่ง ในเขต อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี
วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2558
วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558
วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2558
ประวัติแอดมิด
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ นางสาวอำพร พรมบัวคู
ชื่อเล่น ปอ
เกิดเมื่อ วันที่ 27 ตุลาคม 2537
ที่อยู่ 27/2 บ.โสกคูณ ต.ห้วยเกิ้ง อ.กุมภวาปี
จ.อุดรธานี 41110
งานอดิเรก ฟังเพลง , เล่นโซเซียล
ความใฝ่ฝัน อยากเป็นนักเขียน
ประวัติการศึกษา
2549 สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาชั้นปีที่ 6 จากโรงเรียนห้วยเกิ้ง ตำบลห้วยเกิ้ง อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี
พ.ศ.2552 สำเร็จการศึกษาระดับสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จากโรงเรียนห้วยเกิ้ง
ตำบลห้วยเกิ้ง อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี
พ.ศ.2555 สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนห้วยเกิ้ง
ตำบลห้วยเกิ้ง อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี
พ.ศ.2558 กำลังศึกษาระดับปริญญาตรี ชั้นปี 3 สาขาวิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
พ.ศ.2552 สำเร็จการศึกษาระดับสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จากโรงเรียนห้วยเกิ้ง
ตำบลห้วยเกิ้ง อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี
พ.ศ.2555 สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนห้วยเกิ้ง
ตำบลห้วยเกิ้ง อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี
พ.ศ.2558 กำลังศึกษาระดับปริญญาตรี ชั้นปี 3 สาขาวิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2558
ตำบลห้วยเกิ้งมีกิจกรรมร่วมกับอำเภอกุมภวาปี
การท่องเที่ยวเชิงนิเวศเป็นแนวคิดใหม่ในการพัฒนาและการจัดการการท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดผลกระทบในทางลบน้อยที่สุด แนวคิดนี้ได้รับความสนใจจากประเทศต่างๆนับตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๐ เป็นต้นมา โดยได้รับความสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติ และองค์การการท่องเที่ยวโลก ประเทศไทยก็ได้รับเอาแนวคิดนี้มาศึกษา และดำเนินการจนปรากฏผลเป็นรูปธรรมมากพอสมควร
จากการศึกษาถึงผลกระทบของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีต่อประเทศไทยในระยะเวลาที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า มีทั้งผลกระทบในทางบวก และผลกระทบในทางลบ
ผลกระทบในทางบวก คือ ทำให้เกิดรายได้จากการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ จะทำให้ประเทศไทยมีรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง นอกเหนือไปจากการส่งสินค้าออก นอกจากนี้ เงินที่นักท่องเที่ยวนำไปจับจ่ายใช้สอยย่อมกระจายไปสู่ท้องถิ่นที่มีแหล่งท่องเที่ยวตั้งอยู่ ทำให้เศรษฐกิจของท้องถิ่นดีขึ้น นอก จากผลดีทางด้านเศรษฐกิจแล้ว ยังก่อให้เกิดผลดีทางด้านสังคมและวัฒนธรรม โดยมีการ แลกเปลี่ยนและเรียนรู้วัฒนธรรมซึ่งกันและกันระหว่างนักท่องเที่ยวกับคนในท้องถิ่น
ส่วนผลกระทบในทางลบ คือ อาจทำให้สิ่งแวดล้อมในแหล่งท่องเที่ยวเกิดความเสื่อมโทรมจากการไม่ระมัดระวังของนักท่องเที่ยว หรือจากการขาดการวางแผนที่ดี ของหน่วยงานในท้องถิ่นในด้านการพัฒนา แหล่งท่องเที่ยว ทำให้มีการใช้ทรัพยากรการ ท่องเที่ยวอย่างสิ้นเปลืองในระยะเวลาสั้นๆ นอกจากนี้ ชุมชนในท้องถิ่นที่มีแหล่งท่องเที่ยว ตั้งอยู่ อาจไม่ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเท่าที่ควร เนื่องจากไม่ได้รับโอกาสเข้าร่วมในการจัดการและการให้บริการ ผลประโยชน์ ส่วนใหญ่ไปตกอยู่แก่ผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวที่มีเงินทุนมากและอยู่นอกแหล่งชุมชนนั้นๆ ส่วนชุมชนในท้องถิ่นกลับ ต้องประสบกับปัญหาต่างๆที่นักท่องเที่ยว นำเข้ามา เช่น ปัญหาการส่งเสียงดังรบกวนของนักท่องเที่ยว ปัญหาการจราจรติดขัด และปัญหาค่าครองชีพในท้องถิ่นสูงขึ้น
เพื่อลดผลกระทบในทางลบให้น้อยลง ได้เสนอให้มีทางเลือกใหม่ในการพัฒนาการท่องเที่ยว โดยอาศัยหลักการที่สำคัญ ๒ ประการ คือ ประการแรก ต้องเป็นการ ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และประการที่ ๒ ต้องเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ จากหลักการ ทั้ง ๒ ประการนี้จึงเป็นที่มาของการท่องเที่ยว ในรูปแบบใหม่ นั่นคือ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
จากการศึกษาถึงผลกระทบของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีต่อประเทศไทยในระยะเวลาที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า มีทั้งผลกระทบในทางบวก และผลกระทบในทางลบ
ผลกระทบในทางบวก คือ ทำให้เกิดรายได้จากการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ จะทำให้ประเทศไทยมีรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง นอกเหนือไปจากการส่งสินค้าออก นอกจากนี้ เงินที่นักท่องเที่ยวนำไปจับจ่ายใช้สอยย่อมกระจายไปสู่ท้องถิ่นที่มีแหล่งท่องเที่ยวตั้งอยู่ ทำให้เศรษฐกิจของท้องถิ่นดีขึ้น นอก จากผลดีทางด้านเศรษฐกิจแล้ว ยังก่อให้เกิดผลดีทางด้านสังคมและวัฒนธรรม โดยมีการ แลกเปลี่ยนและเรียนรู้วัฒนธรรมซึ่งกันและกันระหว่างนักท่องเที่ยวกับคนในท้องถิ่น
ส่วนผลกระทบในทางลบ คือ อาจทำให้สิ่งแวดล้อมในแหล่งท่องเที่ยวเกิดความเสื่อมโทรมจากการไม่ระมัดระวังของนักท่องเที่ยว หรือจากการขาดการวางแผนที่ดี ของหน่วยงานในท้องถิ่นในด้านการพัฒนา แหล่งท่องเที่ยว ทำให้มีการใช้ทรัพยากรการ ท่องเที่ยวอย่างสิ้นเปลืองในระยะเวลาสั้นๆ นอกจากนี้ ชุมชนในท้องถิ่นที่มีแหล่งท่องเที่ยว ตั้งอยู่ อาจไม่ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเท่าที่ควร เนื่องจากไม่ได้รับโอกาสเข้าร่วมในการจัดการและการให้บริการ ผลประโยชน์ ส่วนใหญ่ไปตกอยู่แก่ผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวที่มีเงินทุนมากและอยู่นอกแหล่งชุมชนนั้นๆ ส่วนชุมชนในท้องถิ่นกลับ ต้องประสบกับปัญหาต่างๆที่นักท่องเที่ยว นำเข้ามา เช่น ปัญหาการส่งเสียงดังรบกวนของนักท่องเที่ยว ปัญหาการจราจรติดขัด และปัญหาค่าครองชีพในท้องถิ่นสูงขึ้น
เพื่อลดผลกระทบในทางลบให้น้อยลง ได้เสนอให้มีทางเลือกใหม่ในการพัฒนาการท่องเที่ยว โดยอาศัยหลักการที่สำคัญ ๒ ประการ คือ ประการแรก ต้องเป็นการ ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และประการที่ ๒ ต้องเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ จากหลักการ ทั้ง ๒ ประการนี้จึงเป็นที่มาของการท่องเที่ยว ในรูปแบบใหม่ นั่นคือ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)